Daily Archives: June 15, 2018

ตะจาน ประเพณีสงกรานต์ของพม่า

2018-06-20T07:11:11+00:00

ตะจาน คล้ายกับประเพณีสงกรานต์ในประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน คือ การเล่นสาดน้ำเพื่อคลายร้อนและเปรียบเหมือนเป็นการลบล้างสิ่งไม่ดีจากปีเก่าเพื่อความเป็นสิริมงคล ในสมัยอดีตจะใช้การเล่นสาดน้ำอย่างเบา ๆ โดยใช้ยอดหว้าอ่อนชุบใส่น้ำปรุงแล้วแตะเบา ๆ บนไหล่ของผู้ที่จะเล่นสาดน้ำด้วย นอกจากการเล่นสนุกสนานแล้ว ยังมีประเพณีบุญ คือ การทำบุญเพื่อความเป็นสิริมงคล เช่น การตักบาตร, สรงน้ำพระพุทธรูป, ถือศีลปฏิบัติธรรม, ทำความสะอาดวัดหรือศาสนสถาน, ทำบุญบ้าน, สระผมหรืออาบน้ำทำความสะอาดให้แก่คนชราที่ไร้ญาติ รวมถึงการปล่อยสัตว์ต่าง ๆ เช่น นก, ปลา หรือสัตว์ใหญ่อย่าง วัวหรือควาย นอกจากนี้แล้วผู้คนที่ไปใช้ชีวิตอยู่ในต่างถิ่น ก็จะเดินทางกลับสู่ถิ่นเกิดเพื่อกราบไหว้ผู้ใหญ่ในครอบครัว เช่น พ่อแม่, ปู่ย่าตายาย, ลุงป้าน้าอา เป็นต้น และเชื่อว่าหากได้สระผมหรือตัดเล็บก่อนไปทำบุญที่วัด จะเป็นการตัดสิ่งไม่ดีในปีเก่าทิ้งไปและรับสิ่งดี ๆ เข้ามา

ตะจาน ประเพณีสงกรานต์ของพม่า2018-06-20T07:11:11+00:00

หนังสือ ประวัติศาสตร์พม่า A History of Burma

2018-06-15T08:21:16+00:00

หนังสือ #ประวัติศาสตร์พม่า A History of Burma 426 หน้า โดย หม่องทินอ่อง แปล โดย เพ็ชรี สุมิตร ดาวโหลดไฟล์ PDF ได้ทางลิงค์http://www.openbase.in.th/files/tbpj152.pdf ประวัติศาสตร์พม่า A History of Burma บทที่ 1 พม่าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บทที่ 2 อาณาจักรดั่งเดิม: มอญและปยุ บทที่ 3 อาณาจักรพุกามและจักรวรรดิพม่าครั้งแรก บทที่ 4 ความเสื่อมของอาณาจักรพุกามและการรุกรานของชนชาติมองโกล บทที่ 5 กรุงอังวะเป็นอริกับกรุงพะโค ไทยใหญ่เป็นอริกับมอญ บทที่ 6 จักรวรรดิพม่าครั้งที่ 2 บทที่ 7 ความเสื่อมของอาณาจักรบุเรงนอง บทที่ 8 พระเจ้าอลองพญากับจักรวรรดิพม่าครั้งที่สาม บทที่ 9 พม่าในสมัยก่อนทำสงครามกับอังกฤษ บทที่ 10 อังกฤษบุกรุกพม่า ค.ศ.1824-1852 บทที่ 11 อังกฤษได้พม่า ค.ศ.1885 บทที่ 12 การกู้เอกราช ค.ศ.1886-1948 CR : มูลนิธิโครงการตำราฯ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2509 โดย ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ดำเนินงานภายใต้ปณิธาน "นัตถิ ปัญญา สมา อาภา" แสงสว่าง เสมอด้วยปัญญา ไม่มี ข้อมูลเพ่ิมเติมเกี่ยวกับโครงการตำราฯ คลิ๊ก:www.textbooksproject.org

หนังสือ ประวัติศาสตร์พม่า A History of Burma2018-06-15T08:21:16+00:00

สระอโนดาต

2018-06-15T08:17:32+00:00

ไตรภูมิกถา หรือ เตภูมิกถา เป็นวรรณคดีชั้นเยี่ยมทางพระพุทธศาสนาที่เก่าแก่ที่สุด สถานที่หนึ่งในนั้นคือ สระอโนดาต สระอโนดาต ตั้งอยู่ศูนย์กลางของป่าหิมพานต์ สายน้ำที่ไหลจากป่าหิมพานต์ ได้ไหลลงมาหล่อเลี้ยงดินแดนชมพูทวีปด้านล่างให้มีความสมบูรณ์ ไม่มีวันเหือดแห้งจนกว่าจะสิ้นมหากัปป์ สระอโนดาตล้อมรอบด้วยภูเขาสูง ๕ เขาโน้มเข้าหากัน คือ สุทัสสนกูฏ จิตรกูฏ กาฬกูฏ คันธมาทนกูฏ และเขาไกรลาส สระอโนดาตนั้นมีท่าน้ำอยู่ ๔ ท่า ตั้งอยู่ในทิศทั้ง ๔ เรียกว่า ท่าสิงห์ (สีหมุข) ท่าช้าง (หัตถีมุข) ท่าม้า (อัสสมุข) และท่าวัว (อุสภมุข) สายน้ำจากสระอโนดาตจะไหลออกจากปากสัตว์มงคลทั้งสี่ทิศ ไหลเวียนขวาทักษิณาวรรต ๓ รอบ แล้วไหลออกจากสระเป็นสายน้ำ ผ่านแดนหิมพานต์ เป็นสี่ทิศลงสู่มหานทีสีทันดร น้ำจากสระอโนดาตที่ไหลออกทางทิศใต้ ไหลออกไปพุ่งกระทบภูเขา ทำให้น้ำพุ่งขึ้นเป็นละอองฝอยในอากาศ เรียกว่า อากาศคงคา ตามไตรภูมิกล่าวว่า น้ำพุ่งกระเด็นขึ้นไปถึง ๖๐ โยชน์ แล้วจึงตกไปบนแผ่นดิน กลายเป็นสระโบกขรณี ไหลผ่านระหว่างภูเขา ๕ ลูก เกิดเป็นปัญจมหานที ได้แก่ คงคา ยมุนา อจิรวดี มหี และสรภู ที่ไหลหล่อเลี้ยงดินแดนทางทิศใต้ให้อุดมสมบูรณ์ Location : Maha Sandar Muni Pagoda Mandalay Coordinate : 21.926846, 96.068245 . "เพลินพม่า" อย่างที่คุณไม่เคยรู้มาก่อน The people ,the culture, the food: Let me show you Myanmar!

สระอโนดาต2018-06-15T08:17:32+00:00

สิงหราชบัลลังก์ (องค์จริง) หนึ่งในบัลลังก์ทั้งเก้า

2018-06-15T08:18:08+00:00

สิงหราชบัลลังก์ (องค์จริง) หนึ่งในบัลลังก์ทั้งเก้า ประกอบด้วย (ชื่อสามัญ) 1.ดอกบัว 2.หงส์ 3.หอยสังข์ 4.กวาง 5.นกยูง 6.ช้าง 7.ผึ้ง 8.สิงห์ ตามประวัติระบุว่าบัลลังก์นี้เคยถูกนำไปอินเดียในปี ค.ศ.1902 ภายหลังพม่าเสียเมืองในปี ค.ศ.1885 สมัยพระเจ้าธีบอ และถูกนำกลับมายังพม่าคราวพม่าได้รับเอกราช เมื่อ ค.ศ.1948 โดยลอร์ดเม้าท์แบตเทน์ #พิพิธภัณฑ์ย่างกุ้ง การสร้างพระราชวังของพม่า มีคติคล้ายๆ ของไทย คือมีการสร้างพระมหาปราสาทเป็นประธาน มีการสถาปนาราชบัลลังก์ที่สำคัญมีการ ตั้งเศวตรฉัตร ฯลฯ แต่ตามคติพม่าดูเหมือนจะจริงจังเรื่องการใช้พระราชวังเป็นสัญลักษณ์ของศูนย์กลางจักรวาล . เมืองมัณฑะเลย์เป็นเมืองหลวงสุดท้ายของพม่ายุคราชอาณาจักร สถาปนาขึ้นเพื่อเป็นเสมือนศูนย์ "มณฑล" แห่งชมพูทวีป ที่ใจกลางมณฑลคือ พระราชวังหลวง ที่ใจกลางพระราชวังหลวงคือ ท้องพระโรงใหญ่ทรงปราสาทพระเมรุ ในปราสาทพระเมรุสูงเสียดฟ้ามีศูนย์กลางคือ บัลลังก์ทั้ง 8 และหัวใจของบัลลังก์ทั้ง 8 คือ สีหาสนบัลลังก์ . ในพระราชวังมัณฑะเลย์ มีบัลลังก์งามตระการอยู่ 8 องค์ บ้างก็ว่า มี 9 องค์ ซึ่งก็ถูกต้องทั้งคู่ เพราะมีองค์จำลองของสีหาสนบัลลังก์อีก 1 องค์ บัลลังก์เหล่านี้ มีเบื้องหลังการสร้าง และมีนัยยะที่ซับซ้อนมาก หากบรรยายจนหมดคงได้เป็นหนังสือเล่มเขื่องๆ เล่มหนึ่ง จึงขอตัดทอนมา เฉพาะส่วนสำคัญ เริ่มจากไล่พระนามบัลลังก์ทั้ง 8 ดังนี้ 1. สีหาสนะ (2 องค์) หรือบัลลังก์สิงห์ ทำจากไม้ซ้อ (Gmelina racemosa) ประดิษฐานที่ท้องพระโรงใหญ่หรือ ปราสาทฉอง องค์จำลองอยู่ที่เชตวันฉอง ทั้งนี้ สีหาสนะจะใช้ในพระราชพิธีสำคัญ รับทูตานุทูต และเจ้าประเทศราช เมื่อมีงานจะปักด้วยเศวตรฉัตร 8 ฉัตรโดยรอบบัลลังก์ ส่วนพื้นที่ตั้งทำจากดินอัด เป็นดินจากนครต่างๆ ในมัชฌิมเทศ หรืออินเดีย 12 แห่ง เช่น พาราณาสี มัลลปุรี ปาวา ราชคฤห์ เทวทหะ กบิลพัสดุ์ เป็นอาทิ [...]

สิงหราชบัลลังก์ (องค์จริง) หนึ่งในบัลลังก์ทั้งเก้า2018-06-15T08:18:08+00:00

การเต้นรำในชุดช้าง (ซินก้า) ต้นแบบมาจากเมืองเจ่าท์เซ Kyaukse

2018-06-15T08:14:45+00:00

การเต้นรำในชุดช้าง (ซินก้า) ต้นแบบมาจากเมืองเจ่าท์เซ Kyaukse จะมีประเพณีประกวดการระบำในช่วงเดือนตุลาคม (หลังออกพรรษา) Lay Myat Nar Pagoda เจดีย์บนยอดเขากลางเมืองเจ่าว์เซ เป็นเวลา 1 วัน 1 คืน แต่ละคณะที่ส่งเข้าประกวด จะต้องเต้นรำให้สอดคล้องกับเพลง และพร้อมเพรียงกัน หุ่นช้างจะทำด้วยโครงไม้ไผ่และผ้ารวมถึงกระดาษสีประดับสวยงาม ใช้ผู้เชิด 2 คน คล้ายๆเต้นสิงโตของจีน เทคนิคลีลาก็อยู่ที่ความชำนาญของผู้เชิดนั้นเอง การเชิดหุ่นช้างจึงนิยมนำมาเรี่ยไรบุญในช่วงงานสำคัญทางศาสนาตามวัดต่างๆในหลายรัฐของเมียนมา . "เพลินพม่า" อย่างที่คุณไม่เคยรู้มาก่อน  The people ,the culture, the food: Let me show you Myanmar!

การเต้นรำในชุดช้าง (ซินก้า) ต้นแบบมาจากเมืองเจ่าท์เซ Kyaukse2018-06-15T08:14:45+00:00

นัต ผีของชาวพม่า

2018-06-15T08:10:43+00:00

นัต หมายถึงผีของชาวพม่า เป็นความเชื่อพื้นเมืองที่มีมาก่อนที่พุทธศาสนาจะเข้ามาในพม่า นัตเป็นผีบรรพบุรุษ ลักษณะกึ่งผีกึ่งเทวดาคล้ายเทพารักษ์ คอยดูแลคุ้มครองสถานที่ที่ตนเมื่อครั้งยังมีชีวิตมีความสัมพันธ์อยู่ โดยอาจจะมีศาลลักษณะคล้ายศาลเพียงตาตั้งบูชาอยู่ในสถานที่นั้น แต่เดิม นัตเป็นเพียงผีหรือวิญญาณทั่วไปที่สิงสถิตย์ตามธรรมชาติ เช่น แม่น้ำ หรือภูเขา แต่เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนผ่านไป จึงมีความเชื่อว่านัตเริ่มมีตัวตนและเริ่มผูกพันเข้ากับการตายของคน นัตที่เป็นวิญญาณศักดิ์สิทธิ์นี้ยังมีความแตกต่างจากเทพเทวดาตรงที่นัตจะอาศัยอยู่เฉพาะในภพภูมิมนุษย์ มิได้อยู่บนสวรรค์ชั้นฟ้า นัตในสังคมพม่าที่จะกล่าวถึงในบทความนี้เป็นนัตในความหมายของ “วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของผู้ตายร้าย” เป็นภูตผู้เป็นที่พึ่งของปุถุชนทั่วไป นัตที่เป็นภูตผีนี้จะมีฐานะกึ่งเทพกึ่งผี คืออยู่ระหว่างเทพและผี มีระดับสูงกว่าผีทั่วไป แต่มิเทียบเท่าเทวดา นัตจึงไม่ใช่ผีธรรมดาสามัญ หากทว่าเป็นวิญญาณของมนุษย์ผู้ตายจากด้วยภัยอันร้ายแรงผู้คนให้ความเคารพบูชา และมีพิธีเข้าทรงลงผี ด้วยเชื่อว่านัตจะให้ความช่วยเหลือและคุ้มกันภัยในหมู่ผู้ศรัทธากราบไหว้ อีกทั้งเหล่าสาวกของนัตจะต้องนอบน้อมต่อนัตดุจเจ้า ยามพูดคุยกับนัตผ่านร่างทรงก็ต้องกล่าววาจาด้วยภาษาชั้นสูงอย่างพูดกับพระราชา ตลอดจนให้ความยำเกรงต่อศาลซึ่งเป็นที่สถิตของนัต ไม่สวมรองเท้าเข้าศาลนัต และไม่แสดงอาการลบหลู่ นัตจึงเป็นผีที่มีฐานะและบทบาทเท่ากับผีเจ้าพ่อเจ้าแม่ของไทย เพราะสถิตพำนักอยู่บนสรวงสวรรค์ มักไม่ข้องแวะกับกิจบนโลกมนุษย์ การจัดแบ่งเช่นนี้ชี้ชัดได้ทันทีว่าเอ้าก์นัตไม่ใช่เทวาหรือพรหมาบนสวรรค์ชั้นฟ้า หากแต่เป็นผีพื้นถิ่นที่คอยอารักษ์ผู้คนอยู่บนแดนมนุษย์ นัตที่ลือนาม นัตนอกที่คนพม่ารู้จักเป็นอย่างดี คือ 1.มีงมหาคีริ ตลอดจนนัตที่เป็นเครือญาติของนัตตนนี้ ได้แก่ เมีย ๑ น้องสาว ๒ ลูกชาย ๒ และหลานสาว ๑ รวมเป็นนัตวงศ์มีงมหาคีริ มี ๗ ตน มีงมหาคีริเป็นนัตหลวงที่มีกำเนิดแถบเมืองตะกอง ในเขตพม่าตอนเหนือ มีตำนานเล่าสืบย้อนไปถึงสมัยพุกามยุคแรกก่อนรัชสมัยของพระเจ้าอโนรธา( ค.ศ.๑๐๔๔-๑๐๗๗) ต่อมามีงมหาคีริตนนี้ได้กลายมาเป็นนัตประจำบ้านหรือนัตเรือน คอยดูแลความปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สินในบ้าน 2.นัตในวงศ์มีงมหาคีริที่รู้จักกันดี ได้แก่ ชเวนะเบ เป็นเมียมีงมหาคีริ ชเวเมียตหน่า เป็นน้องสาวคนโต โตงปั่งหละ เป็นน้องสาวคนเล็ก และชิงแนมิ เป็นลูกสาวของโตงปั่งหละ 3.ชเวพีญญีนอง เป็นนัตหลวงสองพี่น้อง มีกำเนิดอยู่ทางเหนือของเมืองมัณฑะเล มีตำนานร่วมสมัยกับเรื่องราวของพระเจ้าอโนรธา นัตคู่นี้เป็นนัตครูที่บรรดาร่างทรงนัตจะต้องเซ่นสรวงกันทุกปี 4.เยงังป่ายอูฉิ่งจี เป็นนัตดูแลท้องทะเล จัดว่าเป็นนัตของชาวพม่าตอนล่างที่ใช้ชีวิตทำมาหากินกับทะเล 5.โก-มโยะฉิ่ง นัตเชื้อสายไทใหญ่ ดูแลพื้นที่เจ้าก์แซแถบเมืองมัณฑะเล และดูแลบ้านป่าดงดอย 6.ปะคันอูมีงจ่อ หรือปะคันมีงจี เป็นนัตดูแลเมืองปะคัน ซึ่งอยู่บนเส้นทางจากเมืองพะโคะกู่สู่มัณฑะเล นัตตนนี้มีนิสัยขี้เหล้าเมาพนัน 7.โปปาแมด่อ เป็นนัตเจ้าแม่ดูแลพื้นที่เขาโปปาแห่งพุกามและบริเวณใกล้เคียง 8.นังกะไร่ หรือพะโคแมด่อ เป็นนัตนางกระบือ กล่าวว่าเป็นเจ้าแม่ของชาวมอญในเขตพม่าตอนล่าง ปัจจุบันนับถือกันมากในเขตย่างกุ้งและพะโค 9.อะเมเยยิง เป็นนัตผู้ดูแลเมืองบั้งจี่ แถบเมืองปะคัน . นัตที่กล่าวมานี้จัดว่าเป็นนัตที่มีกำเนิดมาแต่ละท้องถิ่น และแต่ละพื้นที่ก็นิยมบูชานัตแตกต่างกันไป นอกจากนี้ชาวพม่าบางคนยังนิยมนับถือนัตเฉพาะตนสืบทอดกันเฉพาะครอบครัว [...]

นัต ผีของชาวพม่า2018-06-15T08:10:43+00:00

วัดอูนาอ่อง

2018-06-15T08:04:10+00:00

วัดอูนาอ่อง หมู่บ้านกอนัต บริจากสร้างโดยเศรษฐีนามว่าอูนาอ่อง ใน คศ.1886 ถือว่าเป็นวัดราษฎรที่สวยที่สุดในรัฐมอญ

วัดอูนาอ่อง2018-06-15T08:04:10+00:00

พระนอนวินเส่งต่อว์ยะ พระนอนที่ยาวที่สุดในโลก

2018-06-15T07:55:36+00:00

พระนอนวินเส่งต่อว์ยะ พระนอนที่ยาวที่สุดในโลก สร้างในปี พศ.2534 ยาว 200 เมตร สูงเท่ากับตึก 5 ชั้น

พระนอนวินเส่งต่อว์ยะ พระนอนที่ยาวที่สุดในโลก2018-06-15T07:55:36+00:00

เหตุใดมอญต้องสร้างโบสถ์กลางน้ำ (อุทกสีมา)

2018-06-15T07:49:01+00:00

“โบสถ์กลางน้ำหน้าวัดราชาธิวาส (วัดสมอราย)” ภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในหอพระไตรปิฎก วัดบวรนิเวศวิหาร ภาพประวัติศาสตร์ “ประวัติคณะธรรมยุต” เขียนสมัยรัชกาลที่ ๓ ที่มา รามัญคดี - MON Studies ผู้เขียน อาโด๊ด เผยแพร่ วันเสาร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ.2561 “เหตุใดมอญต้องสร้างโบสถ์ในน้ำ?” หลายคนตั้งคำถามเมื่อเห็นภาพโบสถ์มอญโบราณตั้งอยู่กลางน้ำ และยิ่งสงสัยมากขึ้นเมื่อทราบว่า ตอนที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 สถาปนาธรรมยุติกนิกายนั้น นอกจากพระองค์จะได้แบบอย่างวัตรปฏิบัติมาจากพระมอญแล้ว เมื่อทรงบวชแปลงจากมหานิกายเป็นธรรมยุต ก็ทรงสร้างโบสถ์กลางน้ำหน้าวัดราชาธิวาส (วัดสมอราย) เพื่อให้การบวชแปลงของพระองค์เข้มขลังด้วยเช่นกัน อุทกสีมา สีมาน้ำ วัดเกรณา หมู่บ้านเกรณา แขวงเมืองจย้าจก์แหมะโร่ะฮ์ เมืองมะละแหม่ง รัฐมอญ (ประเทศพม่า) อุทกสีมา สีมาน้ำ หรืออุโบสถกลางน้ำในภาพเป็นของวัดเกรณา หมู่บ้านเกรณา แขวงเมืองจย้าจก์แหมะโร่ะฮ์ เมืองมะละแหม่ง รัฐมอญ (ประเทศพม่า) สร้างตามคติการสร้างอุทกสีมาอย่างเมื่อสมัยพระเจ้าธรรมเจดีย์ กษัตริย์มอญแห่งอาณาจักรหงสาวดี (ครองราชย์ พ.ศ. 2013-2035) พระเจ้าธรรมเจดีย์ ได้ส่งทูตไปลังกาเพื่อทำการชำระสมณวงศ์ทั้งด้านพิธีกรรมและวินัยสงฆ์ เมื่อกลับมาแล้วก็ได้ทำการบวชแปลงพระสงฆ์ในเมืองมอญทั้งหมดเสียใหม่ จำลองแบบสีมาน้ำจากลังกา (เพื่อความบริสุทธิ์สะอาด) มาสร้างขึ้นในกรุงหงสาวดี โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่สีมากัลยาณีใกล้เมืองหงสาวดี ใช้เป็นสถานที่สำหรับอุปสมบท รวมทั้งนิมนต์พระสงฆ์จากประเทศใกล้เคียงให้เข้ามาทำการบวชอีกครั้งหนึ่งทีสีมากัลยาณีแห่งนี้ ทำให้พิธีการบวชในประเทศใกล้เคียงที่นับถือพุทธศาสนาเป็นลักษณะเดียวกัน เรื่องราวเกี่ยวกับการชำระสมณวงศ์ดังกล่าวนี้ พระเจ้าธรรมเจดีย์โปรดฯให้จารึกลงบนศิลา 10 หลัก เรียกว่า “จารึกกัลยาณี” ซึ่งเมืองไทยก็ได้ใช้จารึกนี้เองในการสืบสวนจดบันทึกว่าด้วยประวัติพุทธศาสนาในส่วนของไทย วัดมอญในอดีต ทั้งในเมืองมอญและเมืองไทย ต่างสร้างสีมาหรืออุโบสถขึ้นในน้ำด้วยกันทั้งสิ้น วัดศรัทธาธรรม (วัดมอญ) บางจะเกร็ง สมุทรสงคราม เคยสร้างเป็นแพลอยน้ำ ยามปกติก็จะผูกแพติดไว้กับชายฝั่ง เมื่อพระสงฆ์จะประกอบพิธีกรรมก็จะถอยแพออกไปกลางแม่น้ำ เมื่อเสร็จสิ้นพิธีก็ดึงแพกลับเข้ามาผูกไว้ตามเดิม เช่นเดียวกับวัดปรมัยยิกาวาส อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ที่นักท่องเที่ยวรู้จักกันดี เพิ่งเลิกใช้สีมาน้ำไปไม่นาน (ภายหลังรัชกาลที่ 5 โปรดฯ ให้มีการสร้างอุโบสถถาวรขึ้นแล้วก็ยังคงใช้สีมาน้ำแบบเดิมอยู่ต่อมาอีกยาวนาน) การสร้างอุทกสีมา นับเป็นคติแบบมอญมาแต่เดิม ปฏิบัติสืบเนื่องกันมาหลายร้อยปี วัดมอญในเมืองไทยที่อยู่ริมน้ำส่วนใหญ่มักสร้างสีมาในลักษณะเดียวกันนี้ ปัจจุบันไม่พบสีมาน้ำในเมืองไทยแล้ว แม้แต่ในเมืองมอญ มีเพียงบางแห่งที่จำลองลักษณะของสีมาน้ำ แต่เป็นการก่อสร้างด้วยอิฐถือปูนอย่างถาวร มีเพียงการขุดบ่อน้ำล้อมรอบเท่านั้น [ขอบคุณข้อมูลและภาพจากเพจ: รามัญคดี [...]

เหตุใดมอญต้องสร้างโบสถ์กลางน้ำ (อุทกสีมา)2018-06-15T07:49:01+00:00

จังหวัดเชียงตุง ในรัฐฉาน อดีด มีทางเข้าเมืองอยู่ 12 ประตูเมือง

2018-06-15T07:44:20+00:00

จังหวัดเชียงตุง ในรัฐฉาน อดีด มีทางเข้าเมืองอยู่ 12 ประตูเมืองได้แก่ 1. ประตูป่าแดง 2. ประตูเชียงลาน 3. ประตูง่ามฟ้า 4. ประตูหนองผา 5. ประตูแจ่งเมือง 6. ประตูยางคำ 7. ประตูหนองเหล็ก 8. ประตูน้ำบ่ออ้อย 9. ประตูยาง 10. ประตูไก่ให้ม่าน 11. ประตูผายั้ง 12. ประตูป่าม่าน ** แต่ในปัจจุบันเหลือเพียง 2 ประตู คือ ประตูป่าแดง และประตูหนองผา ที่มา Tai Community Online

จังหวัดเชียงตุง ในรัฐฉาน อดีด มีทางเข้าเมืองอยู่ 12 ประตูเมือง2018-06-15T07:44:20+00:00
Go to Top